เผยความคืบหน้าล่าสุด คดีชี้มูลผิด ‘โรซียะห์ เบ็นดือราแม หรือหลานหมาด’ อดีตผอ.โรงเรียนบ้านโคกสุมุ จังหวัดนราธิวาส เบียดบังเงินทุนสนับสนุนการศึกษาโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ล่าสุด ศาลฎีกา มีคำสั่งให้ยกคำร้อง ไม่อนุญาตให้จำเลยฎีกา มีผลต้องรับโทษ ติดคุก 3 ปี 4 ด.
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่า เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่คำพิพากษาศาลอุธรณ์ เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2563 ที่พิพากษาแก้โทษ นางสาวโรซียะห์ เบ็นดือราแม หรือหลานหมาด เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโคกสุมุุ ตำบลบางปอ อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ให้จำคุดเป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน
จากเดิมที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 มีคำพิพากษาโทษให้จำคุก 5 ปี และคืนเงิน 200,000 บาท แก่โรงเรียนบ้านโคกสุมุ ในกรณีเบียดบังเงินทุนสนับสนุนการศึกษาเพื่อดำเนินการโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันของโรงเรียน ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 มาตรา 161 ตาม พรป. ปปช. พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2561
อย่างไรก็ดี สำหรับคดีนี้ ยังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้นั้น
(อ่านประกอบ : คุก 5 ปี คืนเงิน 2 แสน! อดีตผอ.รร.บ้านโคกสุมุ นราธิวาส ทุจริตทุนโครงการอาหารกลางวันเด็ก, พฤติการณ์ ‘อดีตผอ.รร.บ้านโคกสุมุนราธิวาส’ คดีทุจริตขอทุนอาหารกลางวันเด็ก – คุก 3 ปี 4ด.)
สำนักข่าวอิศรา รายงานความคืบหน้าล่าสุดว่า เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ศาลฎีกา มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ นางสาวโรซียะห์ เบ็นดือราแม หรือหลานหมาด จำเลยฎีกาคดีนี้ ให้ยกคำร้องไม่รับฎีกา เนื่องจากเห็นว่าฎีกาของจำเลยไม่เป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัย เพราะไม่เป็นกรณีที่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยข้อกฎหมายที่สำคัญขัดกันหรือขัดกับแนวบรรทัดฐานของคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลฎีกา และไม่เป็นกรณีที่เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้วอาจมีผลเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ (ดูเอกสารท้ายข่าว)
เบื้องต้น เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 ได้ทำหนังสือแจ้งผลคดีต่อ สำนักงาน ป.ป.ช.เป็นทางการแล้ว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org)